ในวันที่ 21 เมษายน 1989 เป็นวันแรกที่บริษัท Nintendo วางจำหน่ายเครื่องเล่นเกมพกพาจอขาวดำในชื่อ Game Boy และเจ้าเครื่องที่ว่านี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ตั้งแต่วันนั้นมาถึงวันนี้ เครื่อง Gameboy รุ่นแรกก็มีอายุครบ 25 ปีพอดี
จริงๆ แล้ว Game Boy รุ่นขาวดำนี่เป็นเครื่องเล่นเกมแบบพกพาอันที่สองที่ Nintendo ทำ (อันแรกคือ Game & Watch ออกมาในปี 1980) สเปคของเครื่อง Game Boy รุ่นแรกใช้ CPU แบบ 8 บิต ความเร็ว 4.19 MHz (CPU ตัวนี้พัฒนามาจาก Z80 ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี) มีแรม 8 kB หน้าจอ 2.6 นิ้ว ความละเอียด 160 x 144 พิกเซล ใส่แบตเตอรี่ AA 4 ก้อน เล่นเกมได้นาน 15-30 ชั่วโมง ตลับเกมของเครื่อง Game Boy รุ่นแรก มีความจุตั้งแต่ 256 kb จนถึง 8 Mb
ในปี 1996 Nintendo ได้ปรับปรุงเครื่อง Game Boy ให้มีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาลง และวางขายในชื่อ Game Boy Pocket พอมาถึงเดือนเมษายนปี 1998 Nintendo ได้วางจำหน่าย Game Boy Light ซึ่งปรับปรุงให้ใช้ถ่าน AA แค่ 2 ก้อน และมีไฟแบ็คไลท์ให้เล่นในที่มืดได้ ตัวเครื่อง Game Boy Light มีขายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น
21 ตุลาคม 1998 ผู้สืบทอดของ Game Boy ปรากฎกาย คราวนี้มาในชื่อ Game Boy Color (ชื่อย่อ GBC) เนื่องจากปรับปรุงหน้าจอเป็นจอสีที่สามารถแสดงสีได้สูงสุด 56 สี ขนาดหน้าจอและ CPU ยังเป็นแบบเดียวกับ Game Boy รุ่นแรก แต่เพิ่มแรมเป็น 32 kb ใส่ถ่าน AA 2 ก้อนเล่นได้นานถึง 30 ชั่วโมง เนื่องจาก Game Boy Color สามารถเล่นตลับเกมของ Game Boy รุ่นแรกได้ แถมช่วงนั้นเกม Pokemon ภาคแรก (Red, Green, Blue) กำลังขายดีถล่มทลาย ก็เลยพลอยทำให้เจ้าเครื่อง Game Boy Color ขายดีตามไปด้วย
21 มีนาคม 2011 Game Boy Advance ออกวางจำหน่าย (ชื่อย่อ GBA) เจ้าเครื่องนี้ถือเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะเปลี่ยนมาใช้ CPU แบบ 32 บิต ความเร็ว 16.8 MHz แรม 32 kb หน้าจอเปลี่ยนมาเป็นแนวนอน ขนาดจอ 2.9 นิ้ว ความละเอียด 240 x 160 พิกเซล แสดงสีได้สูงสุด 32,768 สี ใส่ถ่าน AA 2 ก้อนเล่นเกมได้นาน 15 ชั่วโมง นอกจากนี้ในเครื่องยังมี CPU ของ Game Boy รุ่นเก่าใส่เข้ามาเพื่อให้ยังสามารถเล่นเกมของเครื่อง Game Boy รุ่นดั้งเดิมได้อีกด้วย
Game Boy Advance SP เป็นรุ่นปรับปรุงที่ออกมาในปี 2003 โดยทำออกมาเป็นแบบฝาพับและมีไฟแบ็คไลท์ จากนั้นในปี 2004 Nintendo ได้ออกเครื่องเล่นเกมแบบพกพาเครื่องใหม่ โดยไม่ได้ใช้ชื่อ Game Boy อีกต่อไปแล้ว แต่เปลี่ยนเป็น Nintendo DS แทน เรียกย่อๆ ว่า NDS (เดี๋ยวเอาไว้รอบหน้าจะมาเล่าประวัติความเป็นมาของเจ้าเครื่อง NDS กัน) ในปี 2005 Nintendo ได้ปรับปรุง Game Boy Advance เป็นครั้งสุดท้าย โดยปรับให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลง ลดขนาดหน้าจอเหลือ 2 นิ้ว และวางขายในชื่อ Game Boy Micro
ที่มา – The Next Web, Wikipedia
ใครเคยเล่นเครื่องไหนบ้าง มาลองเล่าระลึกความหลังให้ฟังกันหน่อยก็ดีนะครับ 😉