หลังจากที่มีเทศการลดราคาประจำฤดูใบ้ไม้ร่วงของสตรีมที่ผ่านมา ตัวผู้เขียนได้มีโอกาสได้สอยเกมแนวบริหารจัดการเมืองมาลองเล่นดูได้ประมาณ 2-3 วัน บอกได้คำเดียวว่าเกมนี้คุ้มราคา 147.60 บาทที่เสียไปมาก ใครชอบแนวนี้ห้ามพลาดเลยครับผม ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรีวิวนี้เลยครับ
ความต้องการระบบของตัวเกม
ตัวเกมมีความต้องการของระบบที่เรียกได้ว่าต่ำมาก คอมเก่า ๆ 4-5 ปีก็ยังเล่นได้สบาย ๆ และมีขนาดที่เล็กมาก ไม่ต้องห่วงเรื่องเนื้อที่เหมือนเกมฟอร์มยักษ์ในปัจจุบัน โดยความต้องการขั้นต่ำของระบบ คือ
- OS: Win XP SP3 / Vista / Windows 7 / Windows 8
- Processor: 2 GHz Intel Dual Core processor
- Memory: 512 MB RAM
- Graphics: 512 MB DirectX 9.0c compatible card (shader model 2)
- DirectX: Version 9.0c
- Hard Drive: 250 MB available space
- Sound Card: Any
ภาพกราฟิกในเกม
ถึงแม้จะไม่สวยมากเท่ากับเกม Next Gen แต่ก็พอไปได้ในระดับนึงเลยทีเดียว มีสภาพแวดล้อม ฝนตก พายุเข้า หิมะตกหนัก ที่จะบ่งบอกถึงฤดูกาลต่าง ๆ ที่มีในตัวเกม ซึ่งตัวเกมทำได้ดีในระดับนึงเลยทีเดียวเชียวล่ะ
ระบบบริหารจัดการในเกม
พูดถึงเกมเกี่ยวกับการสร้างเมืองก็ต้องมีระบบบริหารจัดการภายในเกม ซึ่งเกมนี้ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ในที่นี้ผู้เขียนรีวิวจะขอยกตัวอย่างคร่าว ๆ นะครับ
- การจัดการทรพยากรบุคคลของเกมนี้ ทำได้ละเอียดมาก โดยจะแบ่งคนเป็น 3 ประเภท ตามช่วงอายุของคนเหล่านั้น ได้แก่ Children Students และ Adults คนที่เราสามารถนำมาทำหน้าที่หรือทำงานต่าง ๆ ภายในเกมได้ จะเป็นคนที่อยู่ในส่วนของ Adults เท่านั้น โดยเริ่มแรกถ้าเราไม่มีโรงเรียนให้กับ Children ก็จะพัฒนาข้ามมาเป็น Adults แทน (ใช้เวลาหลายปีในการพัฒนา) เราต้องสร้างโรงเรียนเพื่อให้ Children เข้าไปศึกษาเป็น Students จากนั้นค่อยออกมาเป็น Adults โรงเรียนจะช่วยให้ตัวละครแต่ละตัวมีความรู้และสามารถทำงานได้ดีกว่า Adults ที่ไม่ได้เป็น Students มาก่อน
- เนื่องจากมีการใช้เวลาหลายปีในการสร้างทรัพยากรบุคคล ทำให้เราต้องจัดการทรัพยากรพวกนี้อยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่สร้างบ้านใหม่ อัตราการเกิดของ Children ก็จะลดน้อยลง ต้องสร้างบ้านเรื่อย ๆ เพื่อให้มีเด็กเกิดใหม่เสมอ ถ้าขาดช่วงไปจะไม่มีคนมาทำงานแทนคนที่แก่ตายตามอายุขัย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบให้เกมโอเวอร์ในที่สุด
- ในเกมมีการหาทรัพยากรอาหารซึ่งจะได้จากการทำไร่ ทำสวน ล่าสัตว์จำพวกสัตว์ป่า ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ หรือตกปลาในแม่น้ำ การเก็บของป่า เป็นต้น
- ตัวเกมมีระบบฤดูกาลที่นับเวลาแบบฝั่งอเมริกาหรือยุโรปที่จะมี 4 ฤดูกาล ได้แก่ Autumn Winter Spring Summer (ไม่ใช่ 3 ฤดูแบบบ้านเราที่มีแต่ ร้อน ร้อนมาก ร้อนโคตร ๆ นะครับ) ซึ่งตัวเกมจะมีการแบ่งฤดูกาลย่อยลงไปอีกเป็น Early Autumn > Autumn > Late Autumn และฤดูกาลพวกนี้จะส่งผลต่อการทำไร่ ทำสวนซึ่งก็คือ เราจะเริ่มทำไร่ ทำสวนกันที่ Early Spring และเริ่มเก็บเกี่ยวกันที่ Autumn ก่อนจะเข้าหน้า Winter หน้าหนาวจะไม่สามารถทำการเกษตรได้เลย ต้องจัดการเรื่องอาหารให้ดี ไม่งั้นประชากรจะอดอยากและตายในที่สุด
- มีระบบความสุขของประชากร ที่เราจะต้องจัดการถ้าประชากรมีความสุขมากจะทำให้งานที่ทำออกมา ทำได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งพวกนี้จะขึ้นอยู่กับการสร้างสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ การสร้างสถานที่สาธารณะ เช่น โบสถ์ ให้ประชากรได้มีการทำกิจกรรมร่วมกัน การสร้างหลุมฝังศพเพื่อให้ประชากรรำลึกถึงการตายขอญาติได้ เป็นต้น
- ระบบการตายของประชากรที่ทำออกมาได้ละเอียดดี โดยปกติจะตายด้วยการแก่ตามอายุขัย แต่จะมีการตายจากอุบติเหตุ เช่น ขุดเหมืองพลาดหินถล่มใส่ หรือตายด้วยโรคระบาด เป็นต้น นอกจากนี้จะมีการตายจากการขาดแคลนอาหาร การหนาวตายเมื่อถึงฤดูหนาว (ถ้าเราไม่มีฟืนที่ใช้ในบ้าน) อีกด้วย ถ้าหากไม่มีคนที่พร้อมทำงานแทนในแต่ละหน้าที่ เมื่อมีคนตายลง ก็จะไม่มีใครทำหน้าที่นั้นต่อ ทำให้การพัฒนาหยุดชะงัก
- การจัดการทรัพยากรบุคคลของเกมนี้ เราจะต้องมีคนทำหน้าที่ในส่วนต่าง ๆ ได้แก่ ช่างก่อสร้าง ชาวนา คนเลี้ยงสัตว์ คนตัดไม้ทำฟืนไว้ใช้ในหน้าหนาว ช่างทำเครื่องมือ (มีระบบเครื่องมือเสียหาย ทำให้ทำงานช้าลงด้วย) หมอประจำโรงพยาบาล บาทหลวง เป็นต้น
- มีระบบทำการค้าขายกับพ่อค้า ที่แวะเวียนมาผ่านทางแม่น้ำเท่านั้น โดยเราจะสร้าง Trading Post และนำสินค้าที่เราจะแลกเปลี่ยนไปตุนเก็บไว้รอการมาของพ่อค้า เราจะสามารถ Order สินค้าเพิ่มเติมจากพ่อค้าที่เข้ามาได้ (รอบหน้าถึงจะได้สินค้าที่เรา Order ไป)
- นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ผู้เขียนไม่ได้พูดถึงต้องไปลองสัมผัสกันดูครับ
User Interface ของตัวเกม
ในส่วนนี้ตัวเกมยังทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ผู้เล่นใหม่อาจจะเข้าใจได้ยาก แต่ถ้าทำการศึกษาสักเล็กน้อยรับรองว่าเล่นกันสบาย ๆ เลยครับ ด้านล่างนี้จะเป็นภาพตัวอย่างของ User Interface ที่เมื่อเราเริ่มเกมจะได้เป็นแบบนี้
ต้องใช้เวลาปรับตัวสักเล็กน้อยเพื่อเรียกหน้าต่างพวกนี้ออกมาเพื่อให้เห็นข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
การเริ่มเกมใหม่ในแต่ละครั้ง
ตัวเกมจะให้เราตั้งชื่อเมืองหรือเราจะเลือกการสุ่มชื่อก็ได้ และมีการเลือก Map Seed ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่เราสามารถใส่เองได้หรือจะสุ่มได้เช่นกัน Map Seed จะเป็นตัวกำหนดสภาพแวดล้อมที่ตั้งของหมู่บ้านเราในตอนแรก ถ้าโชคดีหน่อยก็จะได้สภาพที่ดีหรือโชคร้ายก็จะเจอภูเขาล้อมรอบ ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างนึงเลยที่เดียว
สรุปโดยภาพรวม
สำหรับเกม Banished ที่ผู้เขียนรีวิวได้ลองสัมผัสถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดี ต่างจากเกมบริหารจัดการเมืองอื่น ๆ อยู่พอสมควร มีความเป็นอินดี้เกมอยู่บางส่วน ซึ่งทำให้เกมดูน่าสนใจยิ่งขึ้น ด้วยขนาดเกมที่มีชนาดเล็กเพียง 300 MB แต่รายละเอียดไม่เล็กตาม ทำให้ผู้เขียนรีวิวชอบมาก นอกจากนี้ยังมีการปล่อยแพทจากผู้พัฒนาอยู่สม่ำเสมอยิ่งทำให้ตัวเกมดูน่าสนใจขึ้นไปอีก ใครที่ชอบแนวนี้แนะนำให้ไปลองหามาเล่นดูครับ ล่าสุดมีการลดราคาจาก Steam เหลือเพียง 147.60 บาท แต่คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีก สามารถดูหน้าร้านค้าของเกม Banished ได้ที่นี่เลยครับ Banished Steam Store
สำหรับใครที่ไม่ได้ซื้อในการลดราคารอบที่ผ่านมา อาจจะต้องรอรอบต่อไปนะครับ เพิ่มเข้าสู่รายชื่อเกมที่อยากได้ไว้ก่อน ก็ไม่เสียหายนะครับ
